ทำความรู้จักับเบี้ยประกัน

เบี้ยประกัน

ทุกๆ ท่านคงเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับการทำ “ประกันภัย” ในรูปแบบต่างๆ กันใช่มั้ยหล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นประกันในเรื่องของรถยนต์ สุขภาพร่างกาย ประกันอัคคีภัยหรือแม้กระทั้งประกันชีวิต ซึ่งทุกๆ แบบก็ต้องใช้เงินในการทำสัญญา แต่หลายๆ ท่านอาจยังไม่ทราบถึงศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับเรื่องของประกัน วันนี้เราจะขอพาทุกๆ ท่านไปกับความหมายของ “เบี้ยประกัน” และทำความเข้าใจกับการทำประกันต่างๆ กันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันดีกว่าครับ

เบี้ยประกันคืออะไร?

เบี้ยประกัน คือ จำนวนเงินที่จ่ายให้กับบริษัทประกันชีวิต เพื่อซื้อ ความคุ้มครอง โดยจ่ายเป็นงวดๆ อาจเป็นรายเดือนหรือรายปี จนครบกำหนดสัญญา (ตามที่ตกลงในเงื่อนไขการชำระเบี้ย) โดยปกติค่าเบี้ยประกันจะมีจำนวนเงินเท่ากันทุกงวดจนครบสัญญา

แล้วประกันภัยคืออะไร?

ประกันภัยหรือการประกัน คือ การทำสัญญาและวางวงเงินเป็นค่าสินไหมในการทำประกันเพื่อใช้ในการดูและตามเนื้อหารายละเอียดการคุ้มครองที่ได้ทำการตกลงกันเอาไว้นั้นเองครับ ยกตัวอย่างประเภทของประกันที่ควรรู้ได้ 2 แบบ ได้แก่…

●การประกันชีวิต (Life Insurance) คือ การชดเชยรายได้ที่ต้องสูญเสียไปอันเนื่องมาจาก การตาย ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือชราภาพ โดยบริษัทประกันชีวิต จะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกัน หรือผู้รับประโยชน์ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต

●การประกันวินาศภัย (Non-Life Insurance) คือการประกันที่ใช้สินทรัพย์ วัตถุหรือความรับผิดเป็นเหตุให้เกิดการชดใช้เงินตามสัญญา เช่น ประกันรถยนต์ ประกันอัคคีภัย ประกันการโจรกรรม ฯลฯ

ทำความรู้จักกับประกันชีวิตพื้นฐาน

ประกันชีวิตพื้นฐานแบ่งออกเป็น 4 แบบดังต่อไปนี้

1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา ซึ่งคือประกันชีวิตที่เน้นการคุ้มครองระยะสั้น โดยเราเลือกช่วงเวลาในการจ่ายเบี้ยและรับการคุ้มครองได้เอง เช่น คุ้มครองภายในระยะเวลา 1 ปี 5 ปี หรือ 20 ปี เป็นต้น เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการคุ้มครองดังกล่าวแล้ว แต่ผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ ก็จะถือว่ากรมธรรม์ฉบับนั้นได้สิ้นสุดความคุ้มครองลง โดยผู้ประกันจะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ เป็นการประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิตแก่ผู้เอาประกันภัยเพียงอย่างเดียว เป็นเบี้ยประกันภัยแบบจ่ายทิ้งแต่ก็ ถือเป็นแบบประกันที่เบี้ยประกันภัยถูกที่สุด ประกันชีวิตประเภทนี้เหมาะกับบุคคลที่มีความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ยประกันไม่มาก เช่น คู่สมรสใหม่ที่อยู่ระหว่างการสร้างครอบครัว เป็นต้น หากเกิดเหตุผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในช่วงระยะเวลาที่คุ้มครองตามกรมธรรม์ ก็ไม่ต้องกลัวว่าภาระหนี้สินจะตกไปเป็นของครอบครัว เพราะทางบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้จ่ายหนี้สินแทนให้ ทั้งหมด

2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ คือ ประกันชีวิตประเภทที่เน้นการคุ้มครองระยะยาว โดยต้องจ่ายเบี้ยประกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น 2 ปี, 10 ปี หรือ 20 ปี แต่ให้การคุ้มครองตลอดชีพ หรือจนถึง99 ปี เป็นต้นเหมาะกับผู้ที่มีภาระรับผิดชอบ เป็นหัวหน้าครอบครัว หรือต้องการวางแผนมรดกให้ลูกหลาน

3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ การประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นส่วนผสมของการคุ้มครองชีวิตและออมเงิน ในส่วนของการออมทรัพย์ คือส่วนที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับคืนเมื่อสัญญาครบกำหนด ถือเป็นตัวช่วยสร้างวินัยในการออม และเป็นแบบประกันที่นิยมมากสุดในประเทศไทย เพราะได้ทั้งการเก็บออมและความคุ้มครองชีวิตไปพร้อมกัน

4. ประกันชีวิตแบบได้เงินประจำ/บำนาญ คือ การประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเท่าๆ กันอย่างสม่ำเสมอ ให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกปี นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรืออายุครบ 55 ปีหรือ 60ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ เป็นกรมธรรม์ที่เน้นการออมเงินเพื่อไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณโดยเฉพาะ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “เบี้ยประกัน” และประกันภัยแบบต่างๆ เราหวังว่าจะสามารถเป็นความรู้ให้กับทุกๆ คนได้เป็นอย่างดีครับ